การปลูกมะเขือม่วงญี่ปุ่น (แบบละเอียด)
มะเขือม่วงญี่ปุ่น เป็นเมนูอร่อยที่นิยมรับประทานกันมากขึ้นในประเทศไทย ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงเมนูอร่อยในร้านอาหารญี่ปุ่นเท่านั้น ยังสามารถรับประทานกับอาหารไทย เช่น น้ำพริก หรือนำมาชุบแป้งทอด รับประทานกับน้ำจิ้มแบบไทยๆ ก็อร่อยไม่แพงเมนูญี่ปุ่น
ลักษณะของมะเขือม่วงญี่ปุ่น
มะเขือม่วงญี่ปุ่น เป็นไม้พุ่มล้มลุก
– ลำต้น สูงประมาณ 1.50 เมตร มีขนนุ่มปกคลุมและมีหนามเล็กๆ แต่ไม่มาก
– ใบ เป็นแบบใบเดี่ยว รูปร่างกลม ปลายแหลม โคนใบเบี้ยว ขอบใบหยักหรือเป็นคลื่น มีขนหนาสีเทาที่ด้านล่างใบ
– ดอก สีม่วง มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ถึง 3 เซนติเมตร บาน 2 ถึง 3 วัน
– ผล มีขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายหยดน้ำ ผิวเรียบสีม่วงเข้ม
– เมล็ด มีขนาดเล็กสีน้ำตาล อยู่ภายในผลเป็นจำนวนมาก
สายพันธุ์ที่เหมาะสมในการเพาะปลูก ในประเทศไทย
มะเขือม่วงก้านเขียว – ผลกลมอ้วน ทรงหยดน้ำหรือลูกแพร์ ก้านตรงขั้วผลเป็นสีเขียว
มะเขือม่วงก้านดำ – ผลผอม สั้น ก้านตรงขั้วผลเป็นสีม่วงเข้ม
การปลูกมะเขือม่วงญี่ปุ่น
ปัจจัยที่ควรคำนึงถึง
สภาพดิน
– มะเขือม่วงญี่ปุ่น เจริญเติบโตได้ในดินทั่วไป แต่ถ้าจะให้ได้ผลดีควรเป็นดินร่วนปนทราย
– ดินอุดมสมบูรณ์ ระบายน้ำได้ดี
– สภาพความเป็นกรด-ด่างที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 6.0 ถึง 6.8
สภาพพื้นที่ปลูก
– เป็นพื้นที่ที่ได้รับแสงแดด
– น้ำไม่ท่วมขัง
– ไม่ใช่พื้นที่ที่เคยปลูกมะเขือเทศ, มะเขืออื่นๆ, พริก หรือยาสูบ มาก่อน
การเตรียมกล้า
– ร่อนดิน 3 ส่วน ผสมปุ๋ยคอก 1 ส่วน ทรายหรือแกลบ 1 ส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากัน
– ใส่ดินลงในถาดเพาะกล้า
– รดน้ำพอชุ่ม
– หยอดเมล็ดลงในถาดหลุมๆ ละ 1 เมล็ด
– รดน้ำ เช้าและเย็น
– เมื่อต้นกล้ามีใบ 3 ถึง 4 ใบ หรืออายุ 30 ถึง 35 วัน สามารถย้ายปลูกได้
การเตรียมแปลงและหลุมปลูก
– ไถพรวนดิน และตากดินไว้ 7 วัน
– หว่านโดโลไมท์ หรือปูนขาวในอัตรา 100 กิโลกรัม ต่อ 1 ไร่ หรือตามสภาพดิน และอาจใช้ปุ๋ยอินทรีย์หว่านหลังแปลง ในอัตรา 100 – 200 กิโลกรัม ต่อไร่
– ขึ้นแปลง หลังแปลงปลูกควรกว้าง 100 ถึง 120 เซนติเมตร ร่องทางเดินกว้าง 100 เซนติเมตร ระยะปลูกระหว่างต้น 100 เซนติเมตร
***พื้นที่ 1 ไร่ ควรปลูกได้ประมาณ 800 ต้น***
การปลูก
– ปลูกแบบแถวเดี่ยว ขุดหลุม รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ และฟูราดานคลุกเคล้าให้เข้ากัน
– ปักไม้หลัก(ไม้หลักควรมีความยาวไม่ต่ำกว่า 1.50 เมตร )
– รดน้ำในหลุมปลูกเมื่อน้ำซึมจนหมดแล้วจึงทำการปลูกโดยให้สูงกว่าหลังแปลง 1 ถึง 2 นิ้ว และห่างจากไม้หลัก 2 นิ้ว
การดูแลหลังการปลูก
การให้น้ำ
– ต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ หลังย้ายต้นกล้า ทุกวันๆ ละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น เมื่อกล้าตั้งต้นดีแล้ว ให้รดน้ำวันละครั้ง
– หรือเลือกการให้น้ำ โดยทำร่องแปลง และให้ตามร่องแปลงสัปดาห์ละ 1 ถึง 2 ครั้ง ถ้าดินแห้ง ให้ปล่อยน้ำเข้าร่องแปลง หรือรดน้ำที่หลุมปลูก

การให้ปุ๋ย
– หลังปลูกต้นกล้าลงแปลง 3 สัปดาห์ ให้ใส่ปุ๋ย
– หลังจากนั้น ให้ใส่ปุ๋ยทุก 2 สัปดาห์
– เมื่อต้นมะเขือเริ่มออกดอก ให้ใส่ปุ๋ยทุกๆ 20 วัน
การตัดแต่งกิ่งและตัดผล
– มะเขือม่วงญี่ปุ่นออกดอกแรก หลังจากดอกบาน ให้เด็ดกิ่งแขนง โดยเว้นกิ่งแขนงใต้ดอกแรกไว้ กิ่งแขนงถัดมาให้เด็ดออกให้หมด
– ดอกในกิ่งแขนงที่เก็บไว้ จะบานในเวลาใกล้เคียงกัน เมื่อติดผล จะคัดเลือกผลที่สมบูรณ์แข็งแรงไว้เพียง 5 ถึง 6 ผลต่อต้น
การป้องกันและแก้ไข โรคและแมลงศัตรูมะเขือม่วงญี่ปุ่น
อ่านบทความ โรคมะเขือ และบทความ แมลงศัตรูมะเขือ
การเก็บเกี่ยว
หลังการย้ายปลูกลงแปลงแล้วประมาณ 45 ถึง 50 วัน จึงเริ่มทำการเก็บเกี่ยวโดยทำการเก็บผลผลิตทุกวัน อายุการเก็บเกี่ยวที่ดีที่สุดจะนาน 4 เดือน หากใส่ใจดูแลและมีการจัดการแปลงที่ดีจะสามารถให้ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ประมาณ 5,000- 7,000 กิโลกรัม
ประโยชน์ของ มะเขือม่วงญี่ปุ่น
– ช่วยชะลอความแก่
– ช่วยลดคอเลสเตอรอล
– ช่วยรักษาหลอดเลือดหัวใจให้แข็งแรง และลดความดันโลหิต
– ช่วยล้างพิษในร่างกาย ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น และบรรเทาโรคริดสีดวงทวาร
– ช่วยป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหาร และยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
– ช่วยลดความอ้วน
– แก้โรคบิด
– แก้ปัสสาวะขัด
– แก้หนองใน
– แก้ปวดฟัน แก้ปวด
– แก้ตกเลือดในลำไส้
– ขับเสมหะ
– ใช้ล้างแผล
– ใช้รักษาฝีหนอง หรือโรคผิวหนังเรื้อรัง และผดผื่นคัน
การนำส่วนต่างๆ ของ มะเขือม่วงญี่ปุ่น มาใช้ประโยชน์
– ลำต้นและรากสด นำมาต้มน้ำจนเดือด ดื่มครั้งละครึ่งแก้ว หรือตำคั้นเอาน้ำล้างแผลเน่าเปื่อยได้
– ใบแห้งป่น เป็นผงชงน้ำร้อนดื่มครั้งละครึ่งแก้วแก้โรคบิด แก้ปัสสาวะขัด หนองใน
– ดอกสด หรือใบแห้งเผาไฟให้เป็นเถ้าแล้วบดละเอียดเป็นยาแก้ปวดฟัน
– ผลแห้ง ทำเป็นยาแก้ปวด แก้ตกเลือดในลำไส้ ขับเสมหะ
– ผลสด ผ่าพอก หรือปิดบริเวณแผลอักเสบ ฝีหนอง หรือโรคผิวหนังเรื้อรัง เม็ดผื่นคัน
แหล่งข้อมูล : hcsupply.blogspot.com, www.thairath.co.th, หนังสือ แนวทาง…และแบบอย่างการเพาะปลูกสารพัดมะเขือทำเงิน สนพ. นาคา โดย อภิชาติ ศรีสอาด และ จันทรา อู่สุวรรณ